วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

30ความจริงที่ต้องเจอเวลาขึ้นรถเมล์

1. รถสายที่คุณรอมักจะมา และจากไปตอนที่คุณยังเดินไม่ถึงป้าย



2. แต่เมื่อคุณเดินถึงป้าย รถสายนั้นจะไม่มีอีกเลย ..



3. ทั้ง ๆ ที่ ฝั่งตรงข้ามนั้น มีรถสายที่คุณรอขัยผ่านเยอะมาก



4. และเมื่อรถคันนั้นมา มักจะไม่จอดรับคน หรือเป็นรถเสริม



5. และเมื่อคุณตัดสินใจโบกแท๊กซี่หรืออื่น ๆ และเมื่อขึ้นไปแล้ว คุณจะเห็นรถคันนั้นมาลิบ ๆ



6. หรือเมื่อคุณไม่ขึ้นแท๊กซี่ เมื่อรถมา คนจะแน่นมาก ๆ



7. และคุณจะสังเกตุว่า ข้างหลัง มีรถสายนั้นตามกันมาเป็นตับๆ !



8. แต่ถ้ามาทีเยอะๆ คุณจะเลือกคันหน้าสุด ซึ่งคนจะแน่นมากๆ



9. แต่คุณก็ยอม เพราะคิดว่ามันถึงเร็วกว่า



10. แต่คันหลังดันขับแซงแล้วพุ่งไปเลยซะงั้น



11. บางที่คนขึ้นมาทีหลังอาจจะได้นั่งก่อนได้ เพราะการเลือกที่ยืน



12. เพราะไปยืนที่ที่คนนั่งอยู่จะลงพอดี เลยเสียบซะ



13. ดังนั้น การได้นั่งเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับคุณเลือกดูว่า ใครจะลงเร็วๆ นี้



14. แต่ควรระวังไว้ เพราะถ้าคุณเลือกที่ยืนถูกต้องแล้ว คุณอาจโดนเบียดกระเด็นไปข้าง ๆ ก็ได้



15. และคนที่เบียดคุณนั่นแหละ จะแย่งคุณนั่ง !



16. บางทีเราอาจมองคนแกล้งหลับ เป็นหลับจริงๆ



17. และอาจมองคนที่หลับจริงๆ ว่าเค้าแกล้งหลับก็เป็นได้



18. คนส่วนใหญ่ ถ้ามาคนเดียว จะเลือกหาที่นั่งเดี่ยวเป็นอย่างแรก



19. ทำให้ที่นั่งเดี่ยวเต็มก่อนเป็นอย่างแรก



20. ถ้ารถติดมากๆ ในรถต้องมีคนหลับ



21. ไม่ก็ใส่หูฟังฟังเพลง หรืออ่านหนังสือ



22. หรือจะคุยโทรศัพท์ก็ได้



23. ถ้าคนแน่น มากๆ แล้วคนส่วนใหญ่ยืนออหน้าประตู แล้วมีคนกรดกริ่งลง คุณมักจะคิดว่าที่ยืนออนั้นลงหมด



24. คุณเลยยืนรอคนลงหมดแล้วจะลงตาม



25. แต่ที่จริงแล้ว ลงแค่ 2 คน ทำให้คุณลงไม่ทัน



26. คุณเลยต้องจำใจลงป้ายหน้า



27. เวลาคุณกดลงแค่คนเดียว แล้วรถขับเร็วๆ รถมักจะจอดก่อนป้าย หรือไม่ก็เลยป้ายเสมอ



28. แต่ถ้าคนลงเยอะ ขึ้นเยอะ รถก็ไม่จอดตรงป้ายให้คุณหรอก



29. เมื่อคุณลงเสร็จแล้ว รถอีกคนหนึ่งก็จะวิ่งผ่านคุณไป แล้วคุณจะเห็นว่าคนโล่งมาก ๆ !!



30. โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งให้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา และพระภิกษุ

10 อันดับลูกอมสุดแปลก

10อันดับลูกอม สุดแปลก



ที่เชื่อว่า ไม่มีคนไหนอยากกินแน่นอนเเค่ได้ยินชื่อก็จะอ้วกแล้ว

10 Ear Wax Candy: อมยิ้มขี้หู

Ear Wax Candy: อมยิ้มขี้หู เชื่อว่าหลายๆท่านสมัยเป็นเด็กเคยแคะขี้มูกมากิน หรือบางท่านโตแล้วทำงานแล้วก็ยังมีนิสัยนี้อยู่? .... แต่ผมว่าคนที่ชอบแคะขี้หูมากินก็ยังมีน้อยกว่านะเพราะมันลำบากกว่าแคะขี้มูกมากเลย เพราะฉะนั้นมีคนเค้าอำนวยความสะดวกให้คุณแล้ว โดยที่อมยิ้มนี้มาในหิบห่อเป็นรูปหูอย่างดี มีไซรับอยู่ตรงกลางที่เปรียบเสมือนรูหู พร้อมด้วยแท่งพลาสติกที่ทำเหมือนไม้แคะหูเพื่อที่จะได้ให้อารมณ์ในการแคะขี้หูมากินสุดๆ วิธีกินก็ง่ายมากๆ เอาไม้ไปปั่นๆตรงไซรับแล้วก็เอามาดูดได้เลย...


9 Candy Scrabs: ท็อปฟี่พลาสเตอร์ปิดแผล

Candy Scrabs: ท็อปฟี่พลาสเตอร์ปิดแผล เด็กซนคือเด็กฉลาด เพราะฉะนั้นเด็กในอเมริกาจึงซนกันเกือบทุกคน (จริงรึเปล่า อิอิ) ทำให้ทุกคนเวลาเล่นก็จะมีแผลถลอกปอกเปิก แล้วโดยนิสัยเด็กเวลาเลือดไหลซิบๆก็ชอบเลีย...คุณก็เป็นหรือเปล่า!!?... เพราะฉะนั้นหากรสชาติเลือดมันไม่อร่อยแต่คุณอยากจะเลียแผลแล้วจะทำยังไงหละ! โอวววว โรคจิตมากๆ...ก็ซื้อขนมนี้เลยแล้วกัน เอาไปติดที่แขน พอลอกพลาสเตอร์ออกมาก็จะมีเจลรสสตอเบอรี่ให้คุณเลียๆๆๆๆ


8 Dubbel Zout: ยาไอซ์ปลอม


Dubbel Zout: ยาไอซ์ปลอม เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เราคงเคยเห็นเบียร์ปลอมของญี่ปุ่นกันแล้วที่จริงๆมันคือน้ำ apple ที่มีฟองเหมือนเบียร์ หรือของพี่ไทยเราที่มีหมากฝรั่งแมวดำที่ทำเหมือนบุหรี่ เพราะฉะนั้นในอนาคตถ้าจะติดยาไอซ์ก็ต้องฝึกกันตั้งแต่เด็กๆเลย! นี่คือยาไอซ์จำลอง ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือลูกอมรสชะเอมนั่นเอง แต่ทำให้มันดูเหมือนยาไอซ์ (เพื่ออะไรเนี่ย!?)


7 Hotlix Candy: เลียไป เสียวไป

Hotlix Candy: เลียไป เสียวไป ที่เมืองไทยอมยิ้มแบบนี้เคยฮิตมาก่อนแต่ตอนนั้นจะเป็นหนอน นี่มาแนวใหม่เอาแมงป่องมายัดซะเลย ก็อยากรู้เหมือนกันจะมีซักกี่คนที่กล้าอมจนถึงตัวแมงป่อง อิอิ


6Gorilla Boogers: ขี้มูกกอริล่าแสนอร่อย

Gorilla Boogers: ขี้มูกกอริล่าแสนอร่อย ห่ออันน่ารัก และแฝงไปด้วยความแปลกก็หนีไม่พ้นญี่ปุ่น นี่คือขนมขี้มูกกอริล่าซึ่งเปรียบกับของไทยก็จะมีลูกอมชื่อ ขี้ไคลจี้กง มีใครเคยได้ยินมั้ยเอ่ย? ทั้งสองอย่างก็ไม่ได้ทำมาจากของในชื่อมันจริงๆ ขี้มูกกอริล่านี้ทำมาจากถั่วดำตากแห้งนั้นเอง ลักษณะมันคงจะคล้ายเวลาเราเคี้ยวลูกเกด มันจะหนึบๆ หวานๆ อร่อยๆ คาดว่าเด็กญี่ปุ่นจะชอบกอริล่าพอสมควรโดยที่ไม่รู้จะผลิตอะไรมาเอาใจเลยทำ ขี้มูกออกมาขายซะเลย



5 Ant Candy: ลูกอมมด

Ant Candy: ลูกอมมด ชิ้นนี้ก็เหมือนอมยิ้มแมงป่องข้างบน ตอนเคี่ยวน้ำตาลพอได้ที่ก็จับมดโยนๆลงไปในหม้อแล้วเอามาใส่แม่พิมพ์เอามาขายเรา....อิอิอิ แบบนี้นั่งบี้มดบนโต๊ะกินเล่นก็ได้ไม่ต้องไปเสียเงิน


4 Jane-Jane Tasty Tuna tidbits: ลูกอมรสทูน่า


Jane-Jane Tasty Tuna tidbits: ลูกอมรสทูน่า หลังจากนั่งหาเหตุผลว่าทำไมต้องทำลูกอมรสปลาทูน่ามาถึง 3 วัน ก็ยังคิดหาเหตุผลดีๆไม่ได้ว่าอะไรดลใจให้คนผลิตคิดจะทำลูกอมรสนี้ หรือจะเป็นเจ้าของโรงงานปลากระป๋องต้องการแตกไลด์สินค้า? ส่วนประกอบที่เขียนไว้ที่ห่อก็พื้นมากๆ ปลาทูน่า 30% น้ำตาล 70% จบ...


3 Crick-Ettes: จิ้งหรีดเคลือบซาวครีมและหัวหอม


Crick-Ettes: จิ้งหรีดเคลือบซาวครีมและหัวหอม หลังจากมาเที่ยวเมืองไทยและได้ลองเมนูแมลงที่ถนนข้าวสารไป ไอเดียก็บรรเจิดทันทีเพราะแค่ฉีดแม็กกี้มันไม่อร่อยเท่าไหร่ เอาไปเคลือบซาวครีมและหัวหอมแล้วทำขายเลยดีกว่า ถูกปากฝรั่งกว่าเยอะ!!! หลังจากทำออกมาขาย ยอดขายก็ยังโดน Pringles ทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่นอยู่ดี


2 Durian Candy: ลูกอมทุเรียน


Durian Candy: ลูกอมทุเรียน มันน่าน้อยใจยิ่งนักที่ราชาแห่งผลไม้ของไทยเราได้มาอยู่อันดับที่ 2 ของโผลูกอมน่าขยะแขยง!!! มีนักวิจารณ์อาหารชาวต่างชาติวิจารณ์รสชาติของทุเรียนหมอนทองและก้านยาวไว้ว่า "เพียงแค่ได้กลิ่นก็เหมือนคุณได้กลิ่นขี้ของหมูที่เอาไป คลุกกับหัวหอมใหญ่เน่าแล้วเอาไปยัดลงถุงเท้าออกกำลังที่ไม่ได้ซักมา 3 เดือน!" เฮ้ย! มันขนาดนั้นเลยหรอ!!!



1 Beanboozled: Jelly bean กลายพันธุ์


Beanboozled: Jelly bean กลายพันธุ์ Jelly bean นี่เอง เมืองไทยก็มีขายให้เกลื่อน อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง แต่ทำไมมันน่าขยะแขยงที่สุดนะหรอ!? อย่าดูถูกมันถ้าคุณแกะกล่องแล้วเพิ่งกินไปได้ 2-3 เม็ดเพราะทุกกล่องจะแฝงไปด้วยรสชาติพิเศษที่แสนจะชวนอ้วกแตก เช่น รสตดสกังค์, รสชีสเน่าเฟะ, รสกระดาษเช็ดก้นเด็กที่ใช้แล้ว, รสไข่เน่า, รสอ้วก ฯลฯ ขอหยุดตรงนี้ก่อนเพราะแทบอ้วกแล้วเนี่ย ขอบอกว่ารสชาติแปลกๆที่กล่าวมานี้ทำได้เหมือนมากๆ ไม่เชื่อลองชิมดู แต่อย่าถามว่าแล้วเค้าทำรสชาติพวกนี้ได้ยังไง!? เพราะคำตอบที่ได้อาจจะทำให้คุณกลืนไม่ลง หึหึ

คู่แท้

 o22HAMS22o



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีอาจารย์กับลูกศิษย์ นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ริมสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ ทันใดนั้นลูกศิษย์ก็ถามขึ้นมาว่า

ลูกศิษย์    อาจารย์ครับ ผมสงสัยจังเลยว่า เราจะหาคู่แท้ของเราเจอได้ไงครับ อาจารย์ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับ?
อาจารย์    เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบ)มันเป็นคำถามที่ยากนะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถามที่ง่ายเหมือนกันนะ
ลูกศิษย์    นั่งคิดอย่างหนัก) อืม?...งงไม่เข้าใจครับ
อาจารย์    ตกลง...งั้น เธอลองมองไปทางนั้นนะ ตรงสนามน่ะ มีหญ้าเยอะแยะเลยใช่ไหม เธอลองเดินไปหาหญ้าต้นที่สวยที่สุด เด็ด           กลับมาให้อาจารย์สิ ต้นเดียวเท่านั้นนะ แต่ว่า...เวลาเดินเนี่ย เธอต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวนะ ห้ามเดินถอยหลัง เข้าใจไหม
ลูกศิษย์   ได้เลยครับ รอสักครู่นะครับ (ว่าแล้วก็วิ่งตรงไปยังสนามหญ้า)

หลังจากนั้นไม่นาน

ลูกศิษย์     ผมกลับมาแล้วครับ
อาจารย์    อืม... แต่ทำไมอาจารย์ไม่เห็นต้นหญ้าสวยๆ ในมือเธอหล่ะ
ลูกศิษย์    อ๋อ... คืองี้ครับ ตอนที่ผมเดินไปแล้วผมเจอต้นหญ้าสวยๆเนี่ย ผมคิดว่า เออ..เดี๋ยวก็คงเจอต้นที่สวยกว่านี้
ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้เด็ดมัน แล้วผมก็เดินไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีมันก็สุดขอบสนามแล้วครับ จะเดินกลับก็ไม่ได้ เพราะอาจารย์ห้ามไว้
อาจารย์   นั่นแหละ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงหล่ะ "ต้นหญ้า" ก็คือคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา "ต้นหญ้าที่สวยงาม" ก็คือคนที่เราชอบ หรือคนที่ดึงดูดเรานั่นแหละ "ทุ่งหญ้า" ก็คือเวลา เวลาที่เราจะหาคู่แท้ของเรา อย่ามัวแต่เปรียบเทียบ แล้วคิดว่าคงจะมีที่ดีกว่านี้ เพราะถ้ามัวแต่เปรียบเทียบ  เราจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่าลืมว่า "เวลาไม่เคยย้อนกลับ"

"จงรัก และไขว่คว้า โอกาสที่คุณมีในขณะนี้ อย่ามัวแต่เสียเวลา บางครั้งคนเราก็มีโอกาสเลือกแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น" ถูกต้องนะคร๊าฟ.

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หมายังสู้ !!

น้องหมาสู้ชีวิต  หมาพิการน่าสงสารมาก ไม่มีขาหน้า ใช้แต่ขาหลังเดินแค่ 2 ขา ทำได้ยังไง?
มันมีความพยายาม และอดทนฝึกเดินด้วยขาหลัง จนสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่ว
  เก่งมากๆ ต้องยอมรับ  ใครที่กำลังท้อแท้หมดหวัง ดูตัวอย่างเจ้าหมาน้อยตัวนี้นะ
       

 

พี่สาว กับ น้องชาย

> > >>อ่านกี่ครั้งก็....รู้สึก...อยู่เสมอ.....
> > >>พี่-น้อง> > >> >
> > >> > ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน> > >
> > แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ> > >
> > ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3ปี

> > >>> วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน> > >> >>
> >> > จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง> > >
> > โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม้ไผ่อยู่หนึ่งก้าน> >
>> > "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด> > >>
>> > >> > ฉันกลัวมากไม่กล้าพูดอะไรออกไป  น้องชายฉันก็เช่นกัน> >
>> > พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า> >
>> > " ก็ได้  ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ> > >
> > ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"> > >> >
> > >> > พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น> > >>
>> > >> > ทันใดนั้นน้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า> > "ผมขโมยเองครับ"

> > >> >> ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

> > >> > พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด> >
>> > จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย> >
>> > พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน> >
>> > "ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก> >
>> > แกน่าจะโดนตีให้ตายไอ้หัวขโมย"> > >>> คืนนั้นฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้> >
>> > หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด> > >
> > แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

> > >> กลางดึกคืนนั้นฉันนอนร้องไห้เสียงดังและนานมาก

> >  น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า>> > "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"
> >> ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้> >
>> > ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ>
> >>หลายปีผ่านไป> > แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

> >> > ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย> > >
> > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี
> >> > เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น
>> > เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน> > ม.ปลายว่าเขาสอบได้ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

> > > ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

> > > คืนนั้นพ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
> >> > ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี> > > เรียนดีมากนะ"> >
>> > >> > แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆพ่อได้พูดว่า>
> >> > "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร> > > > > ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"> 
> > >> > ทันใดนั้นน้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อแล้วพูดว่า

> > >> > "ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

> > > > พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

>>> > "ทำไมถึงคิดโง่ๆอย่างนี้ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนนพ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้" 
> >> > คืนนั้นทั้งคืนพ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆทั่วทั้งหมู่บ้าน> เพื่อขอยืมเงิน

> ฉันค่อยๆเอามือประคบแก้มบวมๆของน้องชายเบาๆ และคิดว่า> " ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้">แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้
>> > ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด> > >
> > น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น> >
>> > และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว> > >
> >> > ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน> >
>> > ขณะฉันกำลังหลับ> >
>> > " พี่ครับการจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่ใช่ง่ายๆนะ ....> > >> > ผมจะไปหางานทำ> >
>> > แล้วจะส่งเงินมาให้พี่">>> >  ฉันนั่งอยู่บนเตียง> >
> > อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...> ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป> >
>> > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .
> >> > ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน> > >>
> >>รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที่

ไซท์ก่อสร้าง ...> >
>> > ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3
> >> > วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก> >
>> > เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธออยู่ข้างนอกแน่ะ"
>> > ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ???> >
>> > ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่> >
>> > ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง> > >> > ...
> > >> > ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"> > >> >>
> >> > น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่
เพื่อนๆก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"> > >> > ฉันค่อยๆเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง> > >
> > และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ> >
>> > " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง> >
>> > เธอเป็นน้องของพี่ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"> >
> >> > จากนั้นน้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง> >
>> > เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน> >
>> > แล้วพูดว่า> > >
> > "ผมเห็นสาวๆในเมืองเค้าติดกันผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"> > > >> > ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด> >
>> > ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน> > >
> > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20ปี ส่วนฉันอายุ 23ปี .> >
> >> > วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก>
> >> > ฉันสังเกตเห็นว่า> >
>> > หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว> >
> >> > เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก> >
> >> > หลังจากที่แฟนของฉันกลับไปฉันพูดกับแม่ว่า> >
>> > " แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
> > >> > เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ">
> >> > แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า " แม่ไม่ได้จ้างหรอก> >
>> > น้องชายลูกต่างหาก> >
>> > วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

> > >> > ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ> >
>> > น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
> >> > ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา> >
> >> > ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ> > >
> >> > ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"
> > >> > ฉันถาม> > >> >
> > >> > "ไม่เจ็บสักหน่อยพี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะวันๆ
> > >> > มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด> >
>> > แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ>
> >> > และ..."> >> น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยคแต่ก็ต้องหยุดพูด
> > >> > เพราะฉันหันหน้าหนีเขาน้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
> > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี...
> >> > หลังจากนั้นฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
>> > หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน
> >> > แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ> >
> >> > ท่านบอกว่าท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
> >> > แต่เมื่อออกไปแล้ว>
>> > ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี> >
>> > จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม>
>> > น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป> เขาบอกกับฉันว่า>
> > "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ> >
>> > ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"> > >>
> >> > สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
>> > เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท> > >
> >> > แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้> >
>> > เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา> > >>
> >> > วันหนึ่งน้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล>
> >> > และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด>
> >> > เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล> > >>
> >> > ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล>
> >> > น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา>
> >> > ... ฉันโกรธมากจึงตวาดน้องไปว่า> >
> >> > "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการหา!!!>ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ
อย่างนี้> ดูตัวเองซิ> เจ็บเจียนตายอยู่แล้วทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง">
> >> คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด>
> >> > ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา>
> >> > " พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน>
> >> > ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ>
> >> > ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ> >
>> > คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด">
> >> > น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .
> >> > ฉันบอกกับน้องว่า>
> >> > "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."
> >> > "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"
> >> > น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
> >> > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี  ส่วนฉันอายุ29 ปี...
> >> > เมื่อน้องชายของฉันอายุได้30ปี
> > >> > เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน
> >> > ในงานแต่งงานประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
> > >> > "ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"> > >>
> >> > น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .
> > >> > และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้> > > "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม
โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง>> > เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียนและเดินกลับบ้าน> 
>> > วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง> >
>> > พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง> >
>> > และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล >  > เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว>> > เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่าตลอดชีวิตของผมผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี>และจะทำดีกับเธอ"> เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

> > >> > สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

>>>>คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ...

>>>>"ในโลกใบนี้> > >> > คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุดคือน้องชายของฉันค่ะ">
>> > ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้> น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...



> >> จงรักและห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ> > วันในชีวิตของคุณและเขา> > คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ> >
>> > แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
> > >> > .. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ> พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

เธอสวยจนพระต้องเหลียวหลัง


ก้สวยอ่ะนะ ^^;

'ย่ายิ้ม' เรื่องดีๆของผู้หญิงคนนึง..

ย่ายิ้ม ... หญิงชรา กับชีวิตลำพังกลางป่าเขา
ลำพังคนหนุ่มสาว จะให้เดินขึ้นลงเขาสัก 7-8 กิโลเมตร ยังเล่นเอาเหงื่อตก หอบแฮ่ก ๆ ๆ ถ้าไม่ใช่ทริปท่องเที่ยว หรือเหตุจำเป็นจริง ๆ ล่ะก็...คงส่ายหน้าหนีกันเป็นแถว

         แต่สำหรับ "ย่ายิ้ม" หญิงชราวัยใกล้ร้อย การกระทำข้างต้นถือเป็นกิจวัตรสม่ำเสมอทุกวันพระ จนชาวบ้านท่าหนอง จ.พิษณุโลก รู้กันดีว่า หากเห็น ย่ายิ้ม เดินลงจากบ้านกลางป่าเขาวันไหน วันนั้นแหละ คือวันพระ เพราะไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ย่าก็ต้องไปถึงวัดไม่เคยขาด

         ระยะทางไกลที่เต็มไปด้วยหล่มโคลน ถนนเป็นร่อง ขรุขระ ไม่ได้เป็นอุปสรรค หรือส่งผลต่อใบหน้าเปื้อนยิ้มของหญิงชราผู้มีอารมณ์ดีอยู่เป็นนิตย์ โดยทุกวันพระ ย่ายิ้ม จะออกเดินเท้าจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด แต่อย่าถามเลยว่ากี่โมง เพราะบ้านของแก ไม่มีทั้งนาฬิกา และปฎิทิน แกรู้เพียง มืดก็นอน สว่างก็ตื่น ตะวันตรงหัวก็เที่ยง และเมื่อกลับจากวัด แกก็จะมานับวันหลังจากนั้นไปถึงวันโกนวันพระอีกที ซึ่งไม่เคยพลาดหรือคลาดเคลื่อน
ทุกวันนี้แม้วัยจะล่วงเลยมาถึง 83 ปี แต่ ย่ายิ้ม ยืนยันว่า ร่างกายยังแข็งแรงดี และก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนักกับการที่ต้องอยู่ในบ้านกลางป่าเพียงลำพัง

         หลายครั้ง ลูกชาย 2 คนที่ยังคอยดูแลแม่คนนี้อยู่ห่าง ๆ  พยายามรบเร้าให้แกไปอยู่ด้วย แต่ก็ดูเหมือนจะเอาชนะใจแม่ได้ยากยิ่ง ย่ายิ้ม ยืนกรานจะปักหลักบั้นปลายชีวิตอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ด้วยเหตุว่า บ้านกลางป่าของแก ทำให้ชีวิตไม่วุ่นวายจนเกินไปนัก เพียงแค่เก็บหน่อไม้มาดองกินกับมะพร้าวคั่วหอม ๆ ก็นับเป็นอาหารรสดีที่ช่วยให้อิ่มท้องและประทังชีวิตได้แล้ว

         "ความเจริญอยู่ที่ไหน มันก็ทุกข์ยากที่นั่น อยู่บนเขานี้ ไม่มีเงินย่าก็ยังอยู่ได้ แต่ถ้าอยู่ในตัวเมือง ไม่มีเงินอยู่ไม่ได้เลยหนา ต้องซื้อเอาทุกอย่าง ไปอยู่ก็จะเดือดร้อนเขา"

         ถึงอย่างนั้น วิถีบ้านป่าแบบ ย่ายิ้ม ก็ใช่จะสบายอย่างปากว่า ในช่วงฤดูฝน ดูจะโหดร้ายเป็นที่สุด เพราะหนทางในป่านั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ หากมีน้ำหลากลงจากเขา จนข้ามห้วยไม่ได้ ย่ายิ้มก็จะไม่ออกจากบ้าน ซึ่งช่วงที่ไม่ได้ลงเขาหลายวัน ข้าวสารก็มักจะไม่มีเหลือให้หุงให้กิน ครั้นจะแจ้งบอกข่าวฝากไปถึงใครก็ไม่มี

         "ก็ต้องอดเอามั่ง บางทีเกือบ ๆ อาทิตย์ไม่ได้กินข้าวเลย กินแต่หัวกลอยป่าเอามานึ่งกับมะพร้าวคั่ว"

         นอกจากจะเก็บหน่อไม้ไปแลกข้าวกับคนในชุมชนแล้ว ย่ายิ้มยังมีรายได้ประจำตัวคือ เบี้ยสงเคราะห์คนชราเดือนละ 500 บาท ทว่าเงินจำนวนนี้ ก็มักจะหมดไปกับการทำบุญเสียทุกคราวที่ไปวัด รวมไปถึงเงินที่ลูกหลานแบ่งไว้ให้ใช้ยามมาเยี่ยม ก็ร่อยหรอไปกับกิจกรรมในทางธรรมเช่นกัน ด้วยความเป็นคนจริงเรื่องการทำบุญ และรอยยิ้มที่ไม่เคยหายจากใบหน้าสมชื่อ ย่ายิ้ม ทำให้แกได้รับมิตรภาพดี ๆ จากคนในชุมชนบ้านไร่เชิงเขา ... บ่อยครั้ง ย่ายิ้ม ได้รับอาหาร ของฝาก รวมทั้งความเป็นห่วงเป็นใยจากคนที่ไม่ใช่ญาติ

         ความเป็นห่วงเป็นใยปนสงสัยว่า หญิงแก่อยู่คนเดียวกลางป่าได้อย่างไรเป็นเวลาหลายปี หากนับถึงวันนี้ก็ 27 ปีเข้าไปแล้ว ในช่วงแรก ๆ จึงเคยมีข่าวลือต่าง ๆ นานา บ้างว่า ย่ายิ้มเลี้ยงผี บ้างว่าเลี้ยงโจร ส่งยาบ้า ถึงขนาดเคยมีเจ้าหน้าที่มาล้อมบ้านย่ายิ้ม และจุดไฟเผาหญ้ารอบบริเวณบ้าน เพื่อหวังให้โจรออกมา แต่เผาไปแล้วก็ไม่มีใครออกมาสักคน หลัง ๆ ข่าวลือจึงเริ่มซา และหายไปในที่สุด

         เฒ่า-ศรศักดิ์ มากมา ลูกชายคนที่ยังอยู่ใน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นคนที่คอยมาดูแลแม่บ่อยที่สุด เขาจะขับรถอีแต๋นมารับย่ายิ้มก่อนวันพระใหญ่ เพื่อพาไปทำบุญ นุ่งขาวห่มขาวค้างวัด ถือศีลอุโบสถที่วัดหลวงพ่อใหญ่พระพุทธชินราช เป็นประจำสม่ำเสมอ เสร็จจากงาน ไอ้เฒ่าของแม่ ก็จะขับรถมาส่งพร้อมด้วยเสบียง ข้างสาร มะพร้าว และของแห้ง

         "แม่เขาจะบอกว่าไม่ต้องเอามาให้มากนะ ในชีวิตเขา แม่เขาไม่เคยอยากได้อะไรเลย เคยถามเขาก็บอกว่า เขาพอแล้ว สมัยยังเด็กบ้านเราจนกันมาก พ่อก็ตายตอนที่เรายังเล็ก ๆ แต่แม่คนเดียวก็หาเลี้ยงลูกได้ มานึกดูแกต้องทำงานหนักมาก แม่ถึงเน้นสอนให้เข้มแข็ง หนักเอาเบาสู้ไม่เลือกงาน"
ความจริงแล้ว ย่ายิ้ม มีลูกทั้งหมด 5 คน 2 คนแรก เกิดกับสามีคนแรก ที่มาด่วนเสียชีวิตไปก่อน ย่ายิ้มจึงต้องเลี้ยงลูกสาวลูกชายตัวคนเดียวมาหลายปี ก่อนจะมาผูกสมัครรักใคร่กับสามีคนที่ 2 (ก็มาตายจากไปอีก) และมีลูกอีก 3 คน แต่คนที่ย่ายิ้ม ยังพูดถึงอยู่เสมอก็มีเพียงแค่ 2 คน คือ ไอ้เฒ่า และพ่อทูล น้องคนเล็ก ที่สร้างบ้านไม้กลางป่าอยู่กับแก ก่อนจะตัดสินใจหอบลูกพาเมียไปหางานทำในกรุงเทพฯ

         ตลอดหลายปีกับชีวิตกลางป่าเขาเพียงลำพัง ย่ายิ้ม สารภาพว่า เมื่อไหร่ที่ลูกขึ้นมาหาและมานอนด้วย แกก็ดีใจทุกครั้ง แต่พอกลับกันไป แค่เห็นเดินคล้อยหลังก็นั่งใจละห้อยแล้ว...แต่ถึงอย่างไร แกก็ยังยืนหยัดว่าจะขออยู่ในป่าในเขาอย่างนี้ไปจนตาย และคำขอสุดท้ายที่ฝากไว้กับลูกคือ...ถ้าแม่ตาย ก็ให้เผาให้ฝังไว้ที่ไร่บนเขานี้

         "ย่าไม่อยากตายหรอกหนา แต่ไม่เคยกลัว ถึงเวลาจะต้องละแล้ว ก็ต้องไป..."

         เรื่องราวของ ย่ายิ้ม อาจเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของหญิงชราคนหนึ่ง แต่เมื่อรับรู้รับทราบแล้ว ก็อดนึกถึงปู่ย่าตายายของตัวเองเสียไม่ได้ ...บางที "ยิ้มของย่า" ก็ทำให้รู้สึกดี ๆ ได้เหมือนกัน




ประโยคเสี่ยวๆจากเฟสบุ๊ค

สถานะโดนกด "like" แต่ไม่มีใครใส่ "ใจ" คนโพส.....



ถึงหนูจะเสี่ยว แต่ใจดวงเดียวก็มีแต่คุณ


ฉัน......จะทำให้ "ดีพอ" ให้ "พอดี"
แต่.......เมิง "ไม่พอซักที"
แร้ว........กรูจะ "ทำดี" ไปทำไม ??



"รักเผื่อเลือก" ไม่ได้ดีสำหรับใคร แต่ "รักเผื่อใจ" ดีสำหรับทุกคน.....



"Like" กันน้อยไม่เป็นไร... "Love" กันน้อยเมื่อไหร่ละน่าดู



"ความลับ" มักจะถูกเปิดเผยออกมา ... หลังจาก คำว่า.. " อย่าไปบอกใครนะ " !?! ...



ชีวิตเทอก็เหมือนจักรยาน สวยงาม สง่า มีคุณค่า และหน้าถีบ



คนหนึ่งรัก คนหนึ่งไม่รู้ คนหนึ่งเฝ้าดู คนหนึ่งไม่เห็น คนหนึ่งห่วงใย คนหนึ่งไม่เคยเป็น คนหนึ่งลืมยากเย็น คนหนึ่งไม่เคยจำ


"การบอกรัก"..เกิดจากความรู้สึก..ไม่ใช่หน้าที่..
นานๆบอกทีแต่จากใจ ดีกว่าพูดมาแบบไม่ใส่ใจ..แต่มาบอกกรูสะทุกวัน



ควาย ธรรมดา "กินหญ้า" และ "ทำนา" แล้วกุ เป็น "ควาย อะไรว๊า" ต้องมากิน "น้ำตา" และ "ทำใจ"
สงสัยจะเป็นควายพิเศษ คว๊า ยย ยควา ย!!



คนเก่าคือคนที่ไม่ใช่
แต่ก้อเป็นคนที่สอนให้เข้าใจ
ว่าเราจะต้องทำยังไง...กับคนใหม่ที่จะเข้ามา



คนบางคนเข้ามาในชีวิตเรา..เพื่อต้องการลืมคนรักเก่า
เเต่ถ้าเมื่อใดที่เราไม่ใช่ หรือ เขาไม่ลืม
เราก็จะกลายเป็นคนที่ต้องลืมเขาเช่นกัน.......



คำว่า "ได้ดี" อยากให้เธอได้มัน...แต่คำว่า "ได้กัน" นั้น...อยากให้มันเกิดกับเธอ ^^”



ถ้าเลือกได้...จะไม่ทำให้ฉันเป็นคนที่เธอเคยรัก
แต่จะทำให้เป็นคนที่เธอรัก...เหมือนเคย เเละ เหมือนเดิม



เพราะไว้ใจ เธอถึงกล้ามีใครอีกคน
ขอบอกว่าฉันจะไม่ทน เพราะฉันสนคนอื่นอยู่เหมือนกัน



ฝนที่ตกใน "ใจ" มันเอ่อไหล ออกมาทาง "ตา" (เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ)


ขนาดตัว"..." ยังมีลิ้น 2 แฉก มันก็คงไม่แปลก ถ้า"เธอ"มี 2ใจ



" การบอกเลิก " เป็นหน้าที่สุดท้ายของคนที่เคยรัก ที่ต้องทำ.." ให้ชัดเจน "



เราทั้งคู่ เคยบอกว่าจะเป็นดั่งกันเเละกัน
เธอเป็นชั้น...ชั้นเป็นเธอ
แต่ตอนนี้ เธอเป็นเธอ...ชั้นเป็นชั้น
เรื่องราวระหว่างเรา เริ่มห่างกันไป


คนบางคนเลือกที่จะบอกเลิกทางโทรศัพท์.....
เพราะ...มันง่ายต่อการจากลา และ ไม่ต้องเห็นน้ำตาของใครอีกคน


"รักแท้" อาจจะมีแค่ครั้งเดียวแต่ถ้ารักกันเพื่อความ "เสียว" มีครั้งเดียวมันก้ไม่พอ


ใครที่รู้ว่าตัวเองเหงา ให้ลองจับพุงตัวเองจะได้รู้ว่ายังมี "ชั้น" อยู่


เข็นครกขึ้นภู เขา ไม่เหนื่อยเท่าเข็นคนเมาขึ้นเตียง


คำเตือน !!! กระเทยหรือ สาวประเภทสอง ...ไม่ควรดื่ม "เร้ดดี้ บู้ท" เพราะมัน จะ "ปลุกความเป็นชายในตัวคุณ"




"ความแรงของกรุ มีมาตั้งแต่กำเนิด  ถ้า...อยากเกิด ...ต้องแรงกว่าเรยา "


การหาผู้ชายดีๆ...ยิ่งกว่าการแข่งขันอคาเดมี่แฟนตาเซีย



เอื้อมไม่ถึง ก็ต้องสอย..


You & Me..!! อยู่ดีดี.. Me แต่.."กู" >_


ถ้ารักกันจริง..จะไม่ขออะไร...ขอแค่ ไลค์..ไม่ใช่แค่"ส่อง


''น้ำตาล'' อาหารว่างของคน มีรัก. ''น้ำตา'' อาหารหลักของคนช้ำใจ !!*


>>เพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือ"กระจก"..เพราะเมื่อไหร่ที่เรา"ร้องไห้"....... มันไม่เคย"หัวเราะ"<<


หากจะล้มลงเป็นครั้งที่ร้อย.....อย่างน้อยก็ขอให้ลุกขึ้นได้ในทุกครั้งที่ล้ม


"ยอมเป็นแค่คนดีที่ไม่มีใคร ดีกว่าเป็นคนหลายใจที่ไม่มีอะไรดี"


เรื่องหน้าตา . . . พี่ไม่เถียง แต่เรื่องบนเตียง . . . พี่ไม่ถอย !!!


ในโลกยุคใหม่, การกด"ไลค์", คือการให้กำลังใจรูปแบบหนึ่ง


จะ "โสด" ไปจนตาย ให้ "ผู้ชาย" เสียดายเล่น แต่ถ้าเจอ "คนหล่อ" ตัวเป็น!! ถือว่ากูพูดเล่นก็แระกาน!



เคยเป็นไหม ? เลิกกับแฟนเก่ามาก็นานแล้วแต่ทำไมยังรักอยู่ก็ไม่รู้



อย่าใช้'กาย'เป็นเครื่องผูกมัดคำว่า'รัก' แต่จงใช้ 'ความรู้สึกรัก' เป็นสิ่งผูกพันธ์'ใจ'


อย่า ระแวง ว่าเค้าจะมีใคร...แต่ให้ระวังใจ ว่าจะเข้มแข็งพอไหม เมื่อไกลกัน


ห่างกันซักพักคือ การหมดรักแบบเนียนๆ


คนเรารักใครได้เป็นล้านคน แต่จะมีสักกี่คนที่พยายามรักใครบางคนด้วยล้านหนทาง !

คำเสี่ยวๆ6

คำเสี่ยวๆ5

"สวรรค์" อยู่ที่ อก . . . "นรก" อยู่ที่ ใจ . . .
พอเธอ ถอดเสื้อใน . . . โอ้ววว !?! ทำไม "สวรรค์" ใหญ่จัง . . . ( . )( . )

ถึงจะเป็น "คนคุ้นเคย" ถ้าเอาแต่ "ละเลย" ก็ อาจกลายเป็น แค่ "คนเคย" คุ้นกัน . . . .


เจ้า = ผู้ยิ่งใหญ่ ... สาว = ผู้หญิง ... รวมกันเป็น "เจ้าสาว" คือ ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่
เจ้า = ผู้ยิ่งใหญ่ ... บ่าว = คนรับใช้ตามคำสั่งของเจ้านาย ... เพราะฉะนั้น !?! ..
"เจ้าบ่าว" ก็ต้องเป็น คนรับใช้ของผู้ยิ่งใหญ่ ...!!!


ว่ากันว่า.. "ความรัก" คือ คำตอบของทุกอย่าง !? . . . แต่..
ระหว่างรอ คำตอบ ... "sex" เป็นบท "ทดสอบ" คั่นเวลาที่น่าสนใจ.. !! 
"สวรรค์" อยู่ที่ อก . . . "นรก" อยู่ที่ ใจ . . .
พอเธอ ถอดเสื้อใน . . . โอ้ววว !?! ทำไม "สวรรค์" ใหญ่จัง . . .
ผู้หญิงหลายใจ ก้อเหมือน ถุงยางอนามันหลายยี่ห้อ !!~

ผู้หญิงหลายใจ ก้อเหมือน ถุงยางอนามันหลายยี่ห้อ !!~

ถึงใจเราไม่หล่อแบบพี่เป้ แต่ใจเราอ้ะแบ้วมาก

สิ่งที่คนมีแฟนควรเรียนรู้ คือ คนไม่มีคู่เขาอยู่ได้อย่างไรในวันเดียวดาย

เสียทองเท่าหัว..ไม่อยากเสียผัวต้องสวย

"เสียใจ" เอาไว้ใช้สำหรับคนที่มีค่า...แต่สำหรับคนที่มองความรักเป็นเรื่องลั้ลลา.. ใช้คำว่า "เสียเวลา" ก็พอ ...!!

อย่าหาเขาใส่หัว.. อย่ามีผัวแก้เหงา... อย่าทำตัวเป็นเงา ..ชีวิตเป็นของเรา.. ตามเขาทำไม!!

จุดเด่นไม่เคยมี.. ดูดีก็ไม่ใช่ แต่จุดสำคัญอยู่ที่ใจ..คนแบบนี้เวลารักใครแล้วรักจริง!!

พึ่งรู้ว่าแฟนตัวเองเป็นกระดูก ... ก็ตอนที่ถูกหมาคาบไปแดก...!!


ความหนาว..อาจทำให้ใครบางคนเหงา...แต่ความเหงาอาจจะทำให้ใครหลายคน หนาว!!

เพื่อนก็เหมือนดาวบนท้องฟ้า..แม้ไม่เห็นตลอดเวลา..แต่ก็รู้ว่าท้องฟ้ายังมีดาว ~

ไม่ได้ชอบผู้ชายที่หน้าตา.. แต่อยากให้ลูกเกิดมา หน้าตาดี!!!

อย่ามอง "รัก"เพียง เเค่"ภายนอก"...เพราะคง ดูไม่ออก ว่า"รัก"เป็นแบบไหน...
"สถาปัตยกรรม" ยังต้องมีช่าง "ตกแต่งภายใน"...โปรดมอง"รัก" ให้ลึกจาก"หัวใจ" ใช่หน้าตา..

ไล่แล้วทำไมยังไม่ไป..จะหน้าด้านไปถึงไหนคะพี่ขา...ตอนคบกันก็ไม่ยอมเห็นคุณ ค่า... พอตอนมีแฟนใหม่เข้ามา ตามอย่างกับหมาหวงเพ็ตดีกรี !! (+555)

"หลายใจ"..เกิดจาก อาการสืบพันธุ์ของจิตใจโดยการแบ่งตัว... นำไปสู่อาการน้อยใจ..แก่คนรอบข้างได้ในเวลาต่อมา!!!

กวนตีนเป็นชีวิต ... ตีสนิทเป็นนิสัย ... ไม่เจ้าชู้แต่จริงใจ ... ถ้ารักใครแล้วรักจริง ...~

คุยกับเธอแล้วแสนตลก มีแต่เรื่องลามกช่างสุขสันต์ ภาษาอะไรไม่รู้มาเม้นท์ได้ทั้งวัน สะกิดจัง..สะกิดทำไม? ฮ่าๆๆ

เพราะ Facebook มีปุ่มให้กด Like..ยังจะ Like แม้ไม่ได้เป็นคนรู้จัก...ยังจะรัก แม้ไม่ได้เป็นคนรู้ใจ.. อิ๊วว


"เมียน้อย"..คือมือวางอันดับ1..ในการแย่งผัวชาวบ้าน!...
"เมียหลวง"..คือมือวางอันดับ 1... ในการทำให้ผัวอยากมีเมียน้อย!!! 555+

"ความลับ" คือสิ่งที่ถ้าถูกเปิดเผยแล้ว..จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป!...
แต่ "ของลับ".. ต่อให้เปิดเผยเป็น 10 ครั้งก็ยังเป็นของลับอยู่ !!! อู๊ววแม่จ้าววว..

ถึงบางครั้งอาจจะพูดแรงไป... แต่ก็ "แรงไม่ยอมเปลี่ยนปลั๊ก"! ... "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง"..น่ะ!!!


พูดเร็วไป=เสียใจที่ไม่ทันได้คิด
คิดนานไป=เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้พูด

ก่อนจะพิมพ์คำว่า "เรา" อย่าลืมเปลี่ยนภาษาล่ะ ไม่อยากกลายเป็น "gik"

อากาศหนาวคิดมุขไม่ออก มีแต่มุขกากๆ
เพราะเวลาหยอดมุขตอนหนาวๆเนี้ยะ ต้อง
"หยอดให้กาก" ....... เพราะมัน " อยากให้กอด"

Social Network...ทำให้คนไกลได้ขยับเข้ามาใกล้...แต่ก็กำลังจะทำให้คนใกล้ ๆ โดนดีดไปไกล ๆ...

ความรู้ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "รู้อย่างนี้"...
ความคิดที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "น่าจะทำ"...
คำพูดที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "น่าจะพูด"...
สำหรับความรักแล้ว คำว่า "น่าเสียดาย" มันอาจจะน้อยเกินไป...
เมื่อนึกย้อนไปคิดถึงสิ่งที่เราอยากจะ.. คิด.. ทำ ..หรือพูดอะไรออกไป.. แต่ไม่ได้ทำมัน...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. ถ้าโอกาสนั้นมีเพียงแค่ครั้งเดียว





ความรักต้องทำให้โลกเราสองคน "กว้างขึ้น" ไม่ใช่ "แคบลง"...
ความรักมีอีก "หลายคน" ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ใช่แค่ "เธอกับฉัน"...
ความรักไม่ใช่แค่ "ไว้ใจ" แต่ต้อง "ซื่อสัตย์" ต่อกันและกัน...
ความรักคือการ "หมุนรอบกัน" ไม่ใช่ให้ "เธอหมุนรอบฉัน" หรือให้ "ฉันหมุนรอบใคร"...^^

"แฟนเก่า"เคยทำ"เราเจ็บ"..."แฟนเก็บ"ก็ทำ"เราเหงา"... "แฟนเขา"ยิ่งทำ "เราเศร้า"... ก็เพราะ"แฟนเรา"เขายังไม่มา !!!


"คนดี" ตกน้ำไม่ไหล, ตกไฟไม่ไหม้, แต่ตกหลุมรักแล้วทำไม.. "แห้ว" ไปทุกราย >_<

อยากบอกเธอว่า.. ปากกา พัดลม ปืน (PEN FAN GUN)..นะ!!


คนเราที่ไปเที่ยวทะเลมักมีเหตุผลสองข้อที่ไปทะเล
1. หนีร้อน
2. หนีรัก

บางอย่างได้มาโดยไม่ต้องใช้เงิน... บางอย่างใช้เงินก็ไม่ได้มา!!!

การรีบร้อนหา "แฟน" ก็เหมือนกับการ "เดินทางไกล"... โดยที่ไม่ยอมคิดจะตรวจสอบ "สภาพรถ" ก่อนออกเดินทาง!!!

ผู้ชายก็มักกังวลกับสิ่งที่ผู้หญิงจำได้... ผู้หญิงมักใส่ใจกับสิ่งที่ผู้ชายลืม !!

คำเสี่ยวๆ4

ผู้หญิงก็เหมือนกับไม่จิ้มฟัน ถ้าจิ้มไม่มัน ก็ทิ้งมันไป

อยู่คนเดียวได้ ไม่เร่งรีบ ... แต่ sensitive ทุกที ที่ "ความเหงา" มาเยือน

จบแบบเจ็บ ๆ "ดีกว่า" เจ็บแบบไม่มีวันจบ...

ถ้าชอบก็กด"Like" ถ้าใช่ก็กด"Love"

กรุณา!! อย่าสำคัญ ตัวเองผิด... เพราะ "ผู้หญิง" ที่กู "รัก" มากที่สุด!!.. นั้นคือ "แม่" !!..

หาก "แฟน" เปรียบเหมือน "รองเท้า" .. "เพื่อน" เปรียบเหมือน "" .. วันใดที่ "รองเท้า" หาย... จงจำไว้ ว่า "" ยังอยู่ !!!...

"ผู้ชาย" .. ไม่ได้ต้องการ "นางฟ้า" ... แต่!! ต้องการ "คนที่มีเวลา" ให้กัน ... "ผู้หญิง".. ไม่ได้ต้องการ "เทพบุตร" .. แต่!! ต้องการ "คนที่หยุดสักที" !! ...

เราเป็น "คนหลายใจ".. เพราะ ให้เธอได้ทั้ง "จริงใจ" , "เข้าใจ" , "ใส่ใจ" ... แต่ว่า.. เรา ดันลืมไปอย่างนึง !!... > เราลืม " เผื่อใจ " ...!!! T-T

"ความรัก" .. ทำให้ คน "ตาบอด" ... บางครั้ง!? ก็ทำให้ "ขอบตาเขียว" !!...


"รัก" เป็น "กริยา" . . แต่ "อกหัก" . . มันเป็น "กรรม." !! . .


คนส่วนใหญ่ จะสามารถจดจำ "คนที่ทำให้เสียใจ" ได้พอๆกับ "คนที่ทำให้มีความสุข" ... เพราะว่า.. คน 2 แบบนี้ .. มักจะเป็น "คนๆเดียวกัน" !!...


"เนื้อคู่" ก็เหมือน "I Phone 5" ถึงจะมาช้า แต่ก็จะรอ


"ความเงียบ" มันมักจะ จับมือกับ "ความเหงา"... มาเล่นงานเรา ในเวลา "ไม่ - มี - ใคร" !!


ถึงผมจะไม่หล่อเหมือนคนอื่นๆ แต่ผมก็จะไม่มีคนอื่นๆเหมือนคนหล่อ


ยอมเป็นแค่คนดีที่ไม่มีใคร ดีกว่าเป็นคนหลายใจที่ไม่มีอะไรดี


คุณสมบัติหนึ่งของน้ำตา...เปลี่ยนสีชมพูให้เป็นสีเทา


ผู้ชาย : ไม่ได้เลวในสันดาน แต่ สันชาติญาณมันพาไป.
ผู้หญิง : โหดโดยสันชาติญาณ แต่ สันดานชอบ ให้อภัย.....


คนที่"ตายไปจากใจ" ต่อให้มีลมหายใจ ยังไง ก็''ไร้ตัวตน''
แต่สำหรับ"บางคน" เเม้ตอนนี้จะไม่มีตัวตน แต่ยังคงอยู่ "ในใจ"


ไม่ได้ "เจ้าชู้" จาก "สันดาน" ... แต่ "ประสบการณ์ " สอนให้เป็น

บ่อยครั้ง...การหลอกตัวเองก็ทําให้เรามีความสุขมากกว่าได้รู้"ความจริง"


ขงเบ้งกล่าวว่าสังหารยอดยุทธเพียงคนเดียวย่อมดีกว่าสังหารลิ่วล้อนับร้อยคน
ลิโป้กล่าวว่าสังหารลิ่วล้อร้อยคนย่อมสนุกสนานกว่าสังหารจอมยุทธเพียงคนเดียว

เด็กหนุ่มอ่อนหัดกล่าวว่าเปิดบริสุทธิ์สาวเพียงคนเดียว
ย่อมดีกว่าเริงรักกับสาวผู้เจนจัดนับร้อยค
เพลย์บอยบอกว่าเริงรักกับสาวบริสุทธิ์ผู้นอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้นับร้อยคน
ย่อมไม่สนุกสนานเท่าเริงรักกับสาวผู้ช่ำชองเรื่องอย่างว่าเพียงคนเดียว


คำว่า " เจ็บ " ก็เหมือน " เหน็บ " เจ็บ แปป ๆ เดี๋ยว ก็ " ชิน "


เหตุผลที่ต้อง "ฆ่าเวลา" เพราะเวลาทำให้เธอ "เปลี่ยนไป"


คำว่า "ไม่มีใคร" ไม่ได้หมายความว่า "ไม่มีใครเอา"
อาจจะเป็นเพราะ "ไม่เอาใคร" หรือเพราะ "ไม่มีใครน่าเอา"



เพิ่งรู้ตัวว่ามีแฟนเป็นกระดูก ก็..ตอนที่ถูกหมามันคาบไปแดก..!!!


หากเธอรักฉันแน่ๆ ฉันจะให้แม่มาขอ หากเธอสอพลอ ฉันจะให้พ่อมายิง !!


ปล่อยวัว ปล่อยควาย เค้าว่าได้กุศล ..
ถ้าปล่อยไป อีกสักคน คงได้กุศล เหมือนควาย !!


คนล้านคนมีล้านใจ ยากแท้หาหนึ่งใจเข้าใจคนหนึ่งคน


เบื่อจิง!!! กับ "คำว่ารัก" เบื่อนักกับ"คำว่าผิดหวัง" เบื่อใจตัวเองที่ "โง่อยู่ลำพัง" เบื่อใจเธอนั้นที่มา "หลอกลวง"



อกหักก็เหมือนสะอึก ทรมาน หายยาก น่ารำคาญ แต่ไม่เคยเห็นใครตายเพราะมัน

ถึงกูจะเจ้าชู้ แต่กูก็รู้ ว่าใครสำคัญ

เรื่องมันเศร้าเล่าเเล้วsad ก็เธอมันเเรด ก็เลยต้องsadทุกวัน

ความเหงาเริ่มคืบคลาน.. ไร้ความหวานที่โหยหา.. หากรักไม่ต้องการเวลา.. แล้วใยข้าถึงเดียวดาย???


ฉันไม่ใช่ "โบกี้ขบวนรถไฟ"
ไม่ต้องมา "สับราง"


รักเธอจัง.. เมื่อตังค์เธอมี.. บอกรักเธออีกสักที.. เพราะคนๆนี้ 'ไม่มีตังค์!'


โสดทุกเทศกาล แต่ชอบท่องไปยามราตรี ใช่สิกุไม่มีใครนี่! แต่ได้ทุกทีหลังเลิกงาน


อยากไปทุกที่ๆมี แต่อยากไปทุกที่ๆไม่มีกู


เพราะใจมันจำ...แม่งเลยทำให้ใจเจ็บ...ไม่อยากคิดจะเก็บ...แต่มันก็เจ็บเพราะยังจำ

ตอนจะใช้กลับมาพูดดี...คนอย่างนี้คบได้ที่ไหน...สันดานเลวอย่างนี้เรียกจัญไร...บอกเอาไว้ใครจะไปทำให้


จะรักแต่คนมีคู่ จะสู้เพื่อแย่งของเขา จะเอามาเป็นของเรา ถึงเค้าเศร้า แต่กุสะใจ


แค่โสดแค่เหงา ไม่ใช่หมาหรือเมา จะได้เอาไม่เลือก !


สนใจบ้างใส่ใจบ้างอะไรบ้าง...มีแต่ข้ออ้างว่าไม่ว่างทุกที...กูก็น้อยใจเป็นนะครับพี่...ถ้าขืนทำอยู่อย่างนี้...คงหาคนที่ดีกว่านี้มาแทน


ฤดูร้อน,ฤดูฝน หรือฤดูหนาว พบเจอหมดแล้ว
แต่ทำไม ยังไม่เจอ "ฤดูรัก" ซักทีนะ ..



ตกลงกูโสดหรือนี่...แฟนที่มีไม่ค่อยมีเวลาให้...ทำอะไรก็ไม่เหมือนคู่รักทั่วไป...หรือจะเปลี่ยนใจกลับไปเป็นโสดดี


กูไม่ใช่ควายที่จะมาหลอกกู...คนมันเจ้าชู้ใครก็รู้ก็ดูออก...มีแฟนแล้วกูรู้ไม่ต้องมาบอก...ไม่ต้องมาหลอกกูดูออกว่ามันเป็นสันดาน


อยากให้เธอเป็นตีนข้างซ้าย และฉันจะเป็นตีนข้างขวา แล้วเราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน



" เราสองคนอ่ะมันอยู่คนล่ะโลกกัน โลกของเธออ่ะมันคือความจริง แต่โลกของฉันอ่ะมันติดอยู่กับความหลัง "



"ความรัก" ไม่ใช่ ความผิด แต่....ที่ผิด คือ "เลือกรักผิดคน"!?!


สี่ห้องหัวใจยังว่าง,, ส่วนปอดสองข้าง "มะเร็งจอง" -0-


การไม่มีใครแม้ซักคนยังดีกว่าต่างต้องทน เพราะอีกคนไม่เคยจะเข้าใจ


คนจะนอกจัย....ต่อให้ดียังงัย....มันก้ไปอยู่ดี


เธอดีเกินไป ฉันดีไม่พอ
เหตุผลบ้าบอ ของพวกจังไร!


อย่ามาโทษระยะทางที่ทำให้ฉัน"เปลี่ยนแปลง"
แล้วที่เธอแสดงบอกว่าเหมือนเดิม"ใช่ไหม"
งั้นเอากระจกมามองส่องแล้วลองถามกับคน"ข้างใน"
ว่าจริงๆแล้วฉันเปลี่ยนไปหรือใครที่มัน"ไม่รักดี" !!


ฉันมีเธอเพื่อรักษาใจ...แต่เธอมีใครเพื่อรักษาใจเธอ…



คนไทยไม่ควรแยกสี เพราะมันเป็นหน้าที่ของ"โรงพิมพ์"



"ที่ผ่านมาไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง แต่ที่ต้องมาอยู่เพียงลำพัง เพราะรับความผิดหวังมาจากเธอ"


"พารา" อย่างมากก็แค่กัด "กระเพาะ" . . . แต่เธอ "พาเขามา" มันกัดเซาะถึง "หัวใจ" .



ความรักคือการเดินทางไกล กว่าจะถึง "หัวใจ" มันต้องใช้ "เวลา"


อาการ 'น้อยใจ' ไม่ใช่เรียกร้องความ'สนใจ' แต่เรียกร้องความ'ใส่ใจ'


ฝืนใช้คำว่า"เรา" ทั้งๆที่ในกระจกเงาสะท้อนคำว่า "ลา"


คนที่ออกสื่อนะ "ตัวหลอก" คนที่ไม่บอกอ่ะ "ตัวจริง"


"ไม่สำคัญหรอกว่าในชีวิตหนึ่งนั้น" "เรารักใคร" แต่ "มันสำคัญตรงที่ว่า" "จะมีใครสักกี่คนที่รักเราจริง"


ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะ "หยุด" ที่ใคร . . .
ก็อย่าหวังไปไกลว่าใครจะมา " หยุด" ที่คุณ . . !!

คำเสี่ยวๆ3

"ถึงแม้ฉันไม่เคยคิดจะแย่งชิง แต่คนมาทีหลังก็รักจริงเป็นเหมือนกัน"

"ใครว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันตายของคนโสด วันสงกรานต์ คนโสดก็เกือบตายนะเออ"

" โสด " ไม่ได้แปลว่า "ไม่มีค่า" มันอาจจะแปลว่า ..เรายังไม่พร้อมจะ " ทุกข์ " เพราะใครก็ได้"

"ฉันรู้จักความรัก แต่ ความรักไม่เคยรู้จักฉันเลย..."

"อยู่คนเดียวแบบเต็มใจ...ดีกว่าอยู่กับใครที่ใจไม่เต็ม"

"ยอมเป็นใจที่ไม่ถูกจอง......ดีกว่าโดนจองแล้วไม่ถูกใจ"

"ผู้หญิง... อย่าหยุดสวย...แต่ถ้าทำเท่าไรก็ยังไม่สวย... ก็หยุดเถอะ !"

"ไม่อยากพูด... คำว่ารักดังๆ เพราะคนที่ฟัง มีเธอคนเดียว"

"มีโอกาสมากมายที่จะเจอคนที่..เรารัก แต่มีโอกาสไม่มากนักที่จะเจอ...คนที่รักเรา"

"รักแท้ ชนะทุกอย่าง ยกเว้น...ไม่รัก"

"รักแท้ไม่จำเป็นต้อง...เปิดซิง...แต่รักจริงจำเป็นต้อง...เปิดใจ"

"เมื่อเธอเลิกรักเขา นั่นแหละ ฤกษ์รักเรา"

"รักมากก็กลัวเสียใจ..รักน้อยไปก็กลัวจะเสียเธอ"

"เปลี่ยน "ลุคส์"จะมีคนทัก...แต่ถ้า เปลี่ยน "รัก" จะมีคนทุกข์"

"คนไม่มีใคร เทศกาลอะไรก้ไม่สำคัญ"

"หนังสือ" สอนควายให้เปนคน .. แต่ .. "ความรัก" สอนคนให้เปนควาย"

"ถึงเราจะไม่ได้เรียน "หมอ" แต่เราก็ รักษาคำพูดเป็น"

"เป็นควาย ยังมี"เขา"....แต่เป็นเรา "ไม่มีใคร"

"เธอบอกให้มองแค่ "ปัจจุบัน"...หรือเพราะ "อนาคต" ที่ร่วมกันมัน "ไม่มี"

"โค้ก" ไม่ร้ายเท่า "ความรัก" ถึงจะกัดกะเพาะแต่ก็ไม่กัดเซาะถึง "หัวใจ"

"นี้คนน่ะไม่ใช่เปลือกตา จะได้ลืมเอา ลืมเอา"

"กินมาก..สุดท้ายก็หิวอยู่ดี นอนมาก..สุดท้ายก็ง่วงอยู่ดี รักมาก..สุดท้ายก็ทิ้งกูไปอยู่ดี"

"สิ่งที่แย่กว่าการ "ไม่มี" คือการ "เคยมี"

"บางคนทำดีกับเรา เพราะเค้าเป็นคนดี ไม่ใช่ว่าเค้ารู้สึกดี .."

"รักเเล้ว..ไม่บอก" กับ "บอกเเล้ว..ไม่รัก" แบบไหนจะเจ็บกว่ากันนะ . ."

"ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ข้างๆ..แต่ก็ไม่ได้แปลว่า"ว่าง"สำหรับใครๆ"

"กระจกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เพราะเวลาฉันร้องไห้มันไม่เคยหัวเราะ"

"ตอนกูไม่หล่อ ก้อบอกพอทน แต่พอกูจน บอกทนไม่ได้"

"ความรัก „ ไม่ใช่ละคร !! ที่จะมี30กว่าตอน.. แล้วก็ "จบบริบูรณ์"

"รักอาจจะไม่มีวันตาย แต่ตอนนี้จะตายเพราะเธอไม่มีวันรัก"

"บางครั้งก็อยากเป็นแค่ที่พัก เพราะถ้าได้เป็นที่รักแล้วกลัวจะเสียใจ"

"ไม่อยากเป็น " คนรักเค้าข้างเดียว " แต่อยากเป็น " คนรักเดียวข้างเค้า "

"เธอดีเกินไป ฉันดีไม่พอ เหตุผลบ้าบอ ของพวกจัญไร!"

"โสด" ไม่ใช่สถานะ ... แต่เป็นคำอธิบายถึง --> คนที่เข้มแข็ง + สามารถอยู่คนเดียวได้โดย "ไม่ต้องพึ่งใคร"

"หลอกว่ารักไม่ค่อยน่าโกรธ หลอกว่าโสดแมร่งโคตรน่าถีบ"

"บทเรียนอันล้ำค่า อาจต้องใช้น้ำตาเป็นค่าเทอม"

"เธอน่ะ สอนฉันให้รู้จักใน "รัก"... แต่เธอไม่ได้สอน วิธีให้ "เลิกรัก" นี่!!"

"คนส่วนใหญ่นับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0 แต่คนบางคนนับ 1 3 5 7 9 ...โดยเฉพาะ "คนไร้คู่"

"โสดแล้วไง . .. ไม่เห็นจะตาย ! "

คำเสี่ยวๆ2

เกิดมายังมะเคย “เสียท่า” ใคร
มีแต่ “ได้ท่า” ใหม่กลับมา

“บางคนมีรัก แต่กลับไม่รักษา , บางคนตามหา แต่กลับไม่เจอ.”

“ตอนกรูจีบ ก็เสือกไม่เอา แล้วจะบ่นโสด บ่นเหงา เพื่ออะไร ?” 

ก่อนที่คิด จะทำตัว เหมือน “เรยา” คุณเปรียบเทียบ “หน้าตา” แล้วหรือยัง

คำบางคำคนพูดไม่เคยจำ แต่คนฟังไม่เคยลืม…

ไม่ไขว่คว้า ไม่เสาะหา ปล่อยให้โชคชะตานำพา “ความรัก” มาหาเราเอง

ความรักก็เหมือนหมอฟัน
…………….หลอกกรูอยู่นั่น ว่าไม่เจ็บ ไม่เจ็บ

สาเหตุที่ Facebook ไม่มี LOVE มีแต่ LIKE 
เพราะไม่สนับสนุนให้ใครหลายใจ คลิก LOVE ใครหลายๆคน

คำ…”อธิบาย” ชอบเอามาใช้ในวันที่ไร้ประโยนช์
คำ…”ขอโทษ” ชอบเอามาใช้ในวันที่….สาย
คำว่า…”รัก ” ชอบเอามาพูดกั๊ก…ตอนมัน”เสียดาย”
และคำพูด…. อีกมากมาย ที่เอามาล่อให้กลับไป อยู่ในคอกควายเช่นเดิม!!

หน้าที่ของคน “โสด” คือ หาคนที่ดีที่สุดมาเป็นแฟน
หน้าที่ของ “คนมีแฟน” คือ หาคนที่ดีกว่าแฟนมาแทนที่

Google’ ที่ว่าแน่ . . ยัง Search’ หา “คู่แท้” กู ไม่เจอ !? 

เป็น “คนโสด” ไม่ต้องเศร้า.. (T-T) เพราะ!! เป็น “คนที่เขาไม่เอา”.. มันเศร้ากว่า!!.

ขอเป็น “รักแท้” ที่ มาช้า . . . ดีกว่า!! เป็น “คนไร้ค่า” ที่มาก่อน !!

ไม่ได้ ใช้ BB .. ไม่ได้มี i-Phone .. หน้าตาก็เหมือน โจร .. คนที่ โดน ก็ยังไม่มี…!!

ความรัก ก็เหมือน เกมส์กีฬา “ตัวสำรอง” จามีค่าก็ต่อเมื่อ“ตัวจริง” เจ็บ !!

ไม่อยากเป็น “นางเอก” เพราะได้แค่ “เจ้าชาย” ….
แต่อยากเป็น “นางร้าย” ที่จะได้ “ผู้ชายทั้งเรื่อง” !?! 

อย่าคบใคร เพราะเขาคนนั้นจากไป และ อย่าทิ้งใครไป เพราะเขาคนนั้นกลับมา
เก่ง..เสมอ กับ ให้มิตรภาพ แต่ แย่..เสมอ กับ ความใกล้ชิด

“ชีวิต… เปลี่ยนได้ แต่ไม่รับคืน”

ความจิง เป็นสิ่งไม่ตาย แต่ถ้ารู้ความจิง ก็จะวิ่งไปให้รถทับตาย

ถึงแม้จะเบื่อ แต่ก็จะพูดว่า “ไม่เป็นไร”
” โสดสนิท ต้อง lโสดl = โสดสมบูรณ์…”

ผู้ชายถามหาถึงผู้หญิงดีๆ…
ผู้หญิงถามหาถึงผู้ชายดีๆ…
แต่ตัวเองใช่ว่าจะทำตัวดีอ่ะ !

ความลับ ที่ไม่มีในใลก นั้น เกิดจากคุณได้แสดงออกมา
แต่ ความลับ ที่มีในใลก เกิดจากความคิดแต่ไม่แสดงออกมา

สรรรพสิ่งทุกอย่างต้องมีเริ่ม และต้องมีสิ้นสุด ไม่วันใดก็วันหนึ่ง !

กรุณาอย่าด่าว่าเรา “หน้าม่อ” เพราะเราแค่ “หลอกล่อด้วยคารม” !!!

อย่าถามเรื่อง “ชู้” กับฉัน . . . เพราะ มีตั้งแต่ “ฝั่งอันดามัน” ยัน “ลุ่มน้ำโขง” !! 

ที่โสดไม่ใช่ไม่มีใครเอา.. แค่อยากจะรู้ว่าอารมณ์ เหงา นั้นมันเป็นยังไง ?? 

ไม่จำเป็นต้องคิดถึงคนที่อยู่ห่างไกล ถ้าคนนั้นนั่งอยู่ในใจของเราแล้วล่ะก็นะ

กรุณาอย่าปรึกษาผมเรื่อง “เมีย”
เดี๋ยวผมจะเชียร์ให้เป็น “โสด”
ดูแล้วอาจจะเป็น “คนโฉด”
โทษทีครับคน “โสด” อย่างผมยังไม่มี “เมีย”

” ผู้ชายไม่ใช่พิซซ่า เลือกหน้ากันอยู่ได้”

ไม่โสดไม่ต้องมาสะกิด แต่ถ้าสวยนิดๆ ไม่ต้องสะกิด เดี๋ยวไปเอง

อยู่ดีๆ ก็โสด , แต่อยู่โสดๆ ก็ดี 
บ่อยครั้ง คนที่ปลอบใจคนอื่นอยู่นั้นแหละ คือคนที่บอบช้ำที่สุด

คำเสี่ยวๆ1

คนบางคนเข้ามาในชีวิตเรา..เพื่อต้องการลืมคนรักเก่า
เเต่ถ้าเมื่อใดที่เราไม่ใช่ หรือ เขาไม่ลืม
เราก็จะกลายเป็นคนที่ต้องลืมเขาเช่นกัน…….

คำว่า “ได้ดี” อยากให้เธอได้มัน…แต่คำว่า “ได้กัน” นั้น…อยากให้มันเกิดกับเธอ ^^”

ถ้าเลือกได้…จะไม่ทำให้ฉันเป็นคนที่เธอเคยรัก
แต่จะทำให้เป็นคนที่เธอรัก…เหมือนเคย เเละ เหมือนเดิม

เพราะไว้ใจ เธอถึงกล้ามีใครอีกคน
ขอบอกว่าฉันจะไม่ทน เพราะฉันสนคนอื่นอยู่เหมือนกัน

ฝนที่ตกใน “ใจ” มันเอ่อไหล ออกมาทาง “ตา” (เพราะดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ)

ขนาดตัว”…” ยังมีลิ้น 2 แฉก มันก็คงไม่แปลก ถ้า”เธอ”มี 2ใจ

” การบอกเลิก ” เป็นหน้าที่สุดท้ายของคนที่เคยรัก ที่ต้องทำ..” ให้ชัดเจน “

เราทั้งคู่ เคยบอกว่าจะเป็นดั่งกันเเละกัน
เธอเป็นชั้น…ชั้นเป็นเธอ
แต่ตอนนี้ เธอเป็นเธอ…ชั้นเป็นชั้น
เรื่องราวระหว่างเรา เริ่มห่างกันไป

คนบางคนเลือกที่จะบอกเลิกทางโทรศัพท์…..
เพราะ…มันง่ายต่อการจากลา และ ไม่ต้องเห็นน้ำตาของใครอีกคน

“รักแท้” อาจจะมีแค่ครั้งเดียวแต่ถ้ารักกันเพื่อความ “เสียว” มีครั้งเดียวมันก้ไม่พอ

ใครที่รู้ว่าตัวเองเหงา ให้ลองจับพุงตัวเองจะได้รู้ว่ายังมี “ชั้น” อยู่

เข็นครกขึ้นภู เขา ไม่เหนื่อยเท่าเข็นคนเมาขึ้นเตียง

คำเตือน !!! กระเทยหรือ สาวประเภทสอง …ไม่ควรดื่ม “เร้ดดี้ บู้ท” เพราะมัน จะ“ปลุกความเป็นชายในตัวคุณ”


“ความแรงของกรุ มีมาตั้งแต่กำเนิด ถ้า…อยากเกิด …ต้องแรงกว่าเรยา “

การหาผู้ชายดีๆ…ยิ่งกว่าการแข่งขันอคาเดมี่แฟนตาเซีย

เอื้อมไม่ถึง ก็ต้องสอย..

You & Me..!! อยู่ดีดี.. Me แต่..”กู”>_

ถ้ารักกันจริง..จะไม่ขออะไร…ขอแค่ ไลค์..ไม่ใช่แค่”ส่อง

”น้ำตาล” อาหารว่างของคน มีรัก. ”น้ำตา” อาหารหลักของคนช้ำใจ !!*

เพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือ”กระจก”..เพราะเมื่อไหร่ที่เรา”ร้องไห้”……. มันไม่เคย”หัวเราะ”<<

หากจะล้มลงเป็นครั้งที่ร้อย…..อย่างน้อยก็ขอให้ลุกขึ้นได้ในทุกครั้งที่ล้ม

“ยอมเป็นแค่คนดีที่ไม่มีใคร ดีกว่าเป็นคนหลายใจที่ไม่มีอะไรดี”

เรื่องหน้าตา . . . พี่ไม่เถียง แต่เรื่องบนเตียง . . . พี่ไม่ถอย !!!

ในโลกยุคใหม่, การกด”ไลค์”, คือการให้กำลังใจรูปแบบหนึ่ง

จะ “โสด” ไปจนตาย ให้ “ผู้ชาย” เสียดายเล่น แต่ถ้าเจอ “คนหล่อ” ตัวเป็น!! ถือว่ากูพูดเล่นก็แระกาน!

เคยเป็นไหม ? เลิกกับแฟนเก่ามาก็นานแล้วแต่ทำไมยังรักอยู่ก็ไม่รู้


อย่าใช้‘กาย‘เป็นเครื่องผูกมัดคำว่า‘รัก‘ แต่จงใช้ ‘ความรู้สึกรัก‘ เป็นสิ่งผูกพันธ์‘ใจ‘

อย่า ระแวงว่าเค้าจะมีใคร…แต่ให้ระวังใจ ว่าจะเข้มแข็งพอไหม เมื่อไกลกัน

ห่างกันซักพักคือการหมดรักแบบเนียนๆ

คนเรารักใครได้เป็นล้านคนแต่จะมีสักกี่คนที่พยายามรักใครบางคนด้วยล้านหนทาง !

เรื่องเล่าน่ากลัว...

รวมชื่อคนแปลก2

(ต่อ)

อุจจระวัฒน์ ทิ้งโถ

ปัญญา อ่อน

ชยากร หลีกลี้หนีภัย

สายลมเย็น สุดยอด

หวาน หวานสนิท

หมีน้อย หอยไม่ว่าง

ภูมิพงษ์ เสียงหวาน
 เอกชัย ใจประเทือง

จรัสวิภา กล้านอนหงาย

สิงห์ขอน นอนนับสิบ

เขียว ธรรมชาติ

ชลอ ชาติงูเหลือม

ถาวร สงสัย

พ่อรักลูก ศักดิ์รักพ่อ

ศรัญญู เก่งหล่อ

กมลวรรณ ประสาท

อำพล ลงมาเกิด

ปลา แซ่ย่าง

เรียน มาน้อย

สงคราม ประจำเมือง

นางนกหวีด คดคนดี

มงคล กวนงูเหลือม

หมวย ไม่มี

ธนาคาร ออมสิน

ธงชัย เม็ดลำไย

ฉันทนา มันเผือก

บุญมี บุญมาปัด

จรวด รวดเร็ว

สังหาร สาหัส

อวกาศ นครศรีธรรมราช

เลิศฤทธิ์ ปะทะเก

ไพศาล มโหฬาร

อาวุธ ใหญ่โต

มาลัย หายเหม็น

ไก่ มังกร

ปิยะมาศ หลั่งเร็ว

จักรกฤษ ระวังกลาง

สิรวิชญ์ มีฟัก

อัจฉรา อมยิ้ม

ท่อคี่ แซ่ตั้ง

สุภาพ คลี่กระจาย (ขี้กระจาย)

สุธิพง กำลังคลี่

พจมาน สว่างวงศ์ (มีจริงๆแฮะ)
 ณรงค์ ถนัดใช้ปืน

ไข่ มีตัวตน

อากาศ ปลอดโปร่ง

บุญส่ง วิญญาณ

แสง บาดตาสาว

พนัน วิ่งเร็ว

ธาตุ พนม

สัญญา หวังแหวกกลาง

กระจ่าง รอดความทุกข์

กระแทก ดอขาด

ประลองยุทธ ศัตรูพินาศ

นิตยา หมอนวด

แป้ว ชูเส้นผม

จักรพงษ์ ชอบเล่น

ชะโอด สืบพันธ์ดี

อุปภัมถ์ ค้ำชู

กรงไก่ พันมะณี

เหยิ้ม หยาดย้อย

เชื้อ ร้ายแรง

สืบสกุล พันธุ์ดี

ทุเรียน ละมุด

อยุธยา เชียงใหม่

นริศรา สุดสงสาร

อ๊อบศรา หวังกระแทกกลาง

คิดถึงเสมอ ทองแดง

เตือนใจ ปุ่ม

ลม กำลังมา
 ไพเราะ เป็นระยะ

บุญมี น้อยใจนัก

จำดี ขี้ลืม

ชูชาติ อ้าขารอ

ชัยวุฒิณี สวยแต่เกิด

มาไกล ปทุมวัน

บุญมีน้อย ลาที

ภมรฉงน ใจอ่อน

สมชาย หีบนอก

ก้ำกึ่ง พึ่งทารก

ชำนาญ อื้อฉาว

>รวย< มันยังเล็ก

อำนวย ป๊อกแป๊ก

สมัคร แซ่ปลิ้น

อรวรรณ เชิญกระแทก

กิจจา เก่งการไถ

ลูกปืน ใหญ่ดี

สมชาย อศุจิจรรลัย

เบียร์ ไหลหลั่ง

นิ้งหน่อง กางมุ้งนอน

วริศรา รอดคงรวย (ไม่รอดก็ไม่รวย)

เกด ตากแดด

สัญญา ชอบโกหก

สมรักษ์ พูดความจริง

สุรชัย อัณฑะมโหราฬ

รรรรรร อ่านว่า ระ รัน รอน

นักรบ เมตตา

กิตติมา ฆ่าไม่ตาย (she เป็น อมตะ)

รวมชื่อคนแปลก1

รวมชื่อคนแปลกค่ะ

สายใจ เกาะมหาสนุก

สมศักดิ์ หวังกระแทกคาง

หวังนที จู๋ยืนยง

ณรงค์ นัดใช้ปืน

กันภัย สูญสิ้นภัย

อูโน่ หลาวทอง

ท้ายรถ (ชื่อคน)

อธิป จู๋กระจ่าง

ศักดิพันธ์ ชอบนอนหงาย

บรรจง หนึ่งในยุทธจักร

กนกกร เม่งเวหา

ท่านฮ่องเต้ สมลุนาวัน

นารัตน์ พัดลม

พล.อ.การุณ เก่งระดมยิง

ลำเทียน จ้องผสมพันธุ์

มนศักดิ์ กางมุ้งคอย

นส. ชะรอยจุติมา (ชื่อ)

นส. แลคโตเย่น (ชื่อ)

ดินทะยาน แจงใส

สร้อยเหม็น ฟางน้อย

ไพรัตน์ หม้อน้ำร้อน
ภาคภูมิ ด้วนรู้ที่

หรูหรา ออมตอง

วรุณนาโศรก จันทรคดี

หรินาท ปรปักษ์เป็นจุล

ชัยยศ พรหมจารีย์พินาศ

ชาติหมา(ชา-ติ-หะ-มา) นามสกุลพระราชทาน

วรต อกระโทก

บริสุทธิ์ สุขเศวต (ตอนโทรสับ มักถามว่า...บริสุทธิ์อยู่มั้ย ?)

นักรบ ชนะราวี (พี่)

สงคราม ชนะราวี (น้อง)

นิธินัย เหินเวหา

ติ๊บ บุญนำ

แคน อัครฮาก

อ๊อด ไชโย

บารมี สมาธิปัญญา

(ชื่อ)บานพับ

บรรพต เจ็ดพี่น้องร่วมใจ

ชาติชาญ เล่นเอาขำ
บุญศรัทธา มหามงคล

หินชนวน อโศก

บุญพอ มีเท

จันมี โถรองมูล

(ชื่อ)สามศร (อันนี้ครูฝรั่งเรียกแล้วฮามากก)

นนนที ปล้ำกะโทก

การหาญ โดนอม (อ่านว่า โด-นอม)

สุธี ไม่มีวันเจริญ

เยาวเรศ ดวงทุเรศ

หำ ไปไหน

จิ๋ม ยั่งยืน

สาม ไส้ย่าง

ทักษิณ สืบพันธุ์โกย

ปรปักษ์ เป็นจุล

นางจันทร์ ไร

กลมเกลี้ยง อวบระยสุดท้าย

มูล แปลกประหลาด

อาวุธ สงคราม

ไกรวิชญ์ สยองเครือ

ฌ. กระเฌอ

ว. เวียงสมุทร (ชื่อเล่น เห็บ)

วิวัฒ ธนาการณ์ (วิวัฒนาการ)
 มงคล ผลไม้

มูฮัมหมัด แอมซอรี่  (I'm Sorry)

แหลม เข็มเพชร

สุริยัญห์ จันทา

นพดล ยังอยู่

เอาดี ขยันยิง

แจ้ จ้องสืบพันธุ์

จิ๋มโอฬาร ทัดเทียมโอ่ง

อลิชา ไล่ศัตรูไกล

ถนัด ขอเงิน

สุขุม เร้าใจ

สุดที่รัก ขุนผา

สยาม เจ้าเหล์ดี

นายตายนานแล้ว ลืมจำไมได้

ดวงจิต ฉ่องงูเหลือม

ประเสริฐ เลิศล้น

สุดารัตน์ น้ำรัก

สุดแดน แสนไกล
 สามแสนแปด ขุนภักดี

ไอ ฟักอยู่ (I fu..k you)

โชคชัย ใหญ่คับฟ้า

มะ มะ (ไม่ได้พิมพ์ซ้ำนะ)

ทรงพลัง เหลือหลาย

ฮี ฮีใหญ่

ป่วย สบายดี

ใหญ่ พวงยาว

ปฐมพร อัศจรรย์

วาสนา อุปศักดิ์

หล่อ พิลึก

ตระกูล ประเทศไทย

ไชโย โห่สามที

ยินดี มีความสุข

อสุรจิ พวยพุ่ง

วรุต หลุดโคจร

แตงไชย ไข่ดำ

สมชาย ขนาดกลาง

ธนัชชา ช่วยขำ

ฝอย ขัดเกลา

พันตการ ประจำแถว

โชคทวี ดวงหด

พงษธรณ์ พวงโต
 อมลึก ดอกทองหอม

สมุทร(สมุด) ดนตรี

ภากร ปู

สดใส ปู

กวี สุดจบรรยาย

หนูระบาย ขำมาก

เทพประจักษ์ ทำพันธ์

ติ๋ม กลับหลังสวน

ลมหนาว ว่าวดีจุล

ประหลาด พิลึก

บุญมี ใครเรียกฉัน

สกนศุภา อัดไม่ออก

พายุพัด เสาธงใหญ่

ท่องเที่ยว ทั่วไทย

เมษา พฤษภา

สืบสกุล พันธุ์ดี

พนัส หนิ้วหนิ้ว

ศักดิพันธ์ ชอบนอนหงาย

ลูน ดำดิน

ประสิทธิ์ สมสู่
 

วันมาฆบูชา

วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 วันมาฆบูชา

มาฆบูชา

ความหมายของวันมาฆบูชา
          คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3

การกำหนดวันมาฆบูชา
          การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม

 ความสำคัญและประวัติของวันมาฆบูชา
          ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
 ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
          1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

          2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6

          4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

          และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ

          จาตุร แปลว่า 4
          องค์ แปลว่า ส่วน
          สันนิบาต แปลว่า ประชุม

          ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง
          ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์
 ประวัติการถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

          พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า

          ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
          เมื่อถึงเวลาค่ำ  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่างๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ

          ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
          ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

          นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย

 หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ

          หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้

 หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
          1.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)

          2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)

          3.การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย

          ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" นั่นเอง

 อุดมการณ์ 4 ได้แก่

          1.ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
          2.ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
          3.ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ
          4.นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา


 วิธีการ 6 ได้แก่

          1.ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร
          2.ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
          3.สำรวมในปาติโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม
          4.รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่างๆ
          5.อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
          6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี